หนึ่งในการวิธีการทำบล็อกให้มีคนเข้าดูเยอะๆคือ เขียนบล็อกให้บ่อยๆ หมั่นเขียนหมั่นปั่นกระทู้เข้าไว้ อย่าปล่อยให้บล็อกเฉาตายไปก่อน มีคนเขียนบทความเปรียบการเขียนบล็อกว่าเหมือนการวิ่งแข่งมาราธอน...Think of Blogging like a marathon อ่านดูแล้วเปรียบได้ดี

คุณMark Whiteเจ้าของเวปไซด์Better Business Blogging...ได้เห็นการแข่งขันมาราธอนของเมืองลอนดอน ได้เกิดภาพการเปรียบเทียบระหว่างการวิ่งมาราธอนกับการเขียนบล็อก.ในการวิ่งแข่งมาราธอนนั้น เป็นการรวมผู้คนที่หลากหลาย หลากหลายทั้งความสามารถ,เป้าหมายและความมุ่งมั่น เพียงต้องการพื้นที่และโอกาสในการแสดงออกถึงสิ่งเหล่านี้ เมื่อหันมามองนักวิ่งระดับอาชีพ เราจะเห็นถึงความสามารถในระดับน่าอัศจรรย์,การทำงานอย่างหนักและความรับผิดชอบ เมื่อลองเทียบดูกับโลกของบล็อกจะเห็นว่ามีหลายอย่างคล้ายคลึงกัน

๑.บล็อกเกอร์ที่หลากหลาย
ในบรรดาคนที่เริ่มบล็อก มีกลุ่มหนึ่งที่เป็นกลุ่มที่มีทักษะความชำนาญจนเข้าขั้นมีรายได้เลี้ยงตัวจากการเขียนบล็อก กลุ่มนี้ต่างมีวิถีของตนในการเริ่มการเขียนบล็อกซึ่งต่างก็ทำให้เราประจักษ์ถึงความเป็นไปได้ในการใช้บล็อก

๒.คนเขียนบล็อกด้วยเหตุผลที่หลากหลาย
สำหรับคนที่เขียนบล็อกส่วนตัวนั้นนอกจากการเขียนเพื่อถ่ายทอดความคิดของตนสู่คนอื่นแล้วยังเป็นการสร้างโปรไฟล์ส่วนตัว.สำหรับบล็อกของบรรษัทนั้นเป็นการค้นหาและสร้างผู้ที่จะเข้ามาเป็นลูกค้า,การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าเดิมและเพื่อการขายสินค้า

๓.ความสำเร็จจะบังเกิดเมื่อมีการวางแผนและเตรียมตัว
ความสำเร็จของนักวิ่งมาราธอนสะท้อนถึงจำนวนชั่วโมงที่ทุ่มให้กับการฝึกฝนก็เช่นเดียวกับบล็อกเกอร์ที่ต้องใช้วลาในการค้นคว้าวิจัย,การเขียนและเผยแพร่บทความตัวเอง

๔.สร้างความสัมพันธ์กันและร่วมมือกัน
บล็อกเกอร์นั้นอาศัยการติดต่อสัมพันธ์กันและคอยช่วยเหลือกัน ไม่ว่าการให้คำแนะนำปรึกษาหรือการทำลิ้งค์ต่อถึงกัน ก็เฉกเช่นเดียวกันนักวิ่งมาราธอนที่คอยกระตุ้นกันและช่วยเหลือประคองกันให้ถึงเส้นชัย

๕.ความกระตือรือร้น
การทำบล็อกนั้นเป็นเรื่องที่อาศัยความชำนาญและความน่าเชื่อถือ ความกระตือรือร้นนั้นเป็นต้องมากพอที่ผลักดันให้บล็อกได้เดินต่อไปจนถึงจุดหมายของคุณ

๖.ฝึกฝนเท่านั้นที่ก่อเกิดความชำนาญ
ความรู้และชื่อเสียงนั้นต้องอาศัยเวลาในการสร้าง เช่นเดียวกับการทำบล็อกก็ต้องใช้ความมานะอุตสาหะเพื่อสร้างชื่อเสียง(รวมทั้งความรู้ในการทำบล็อก)และจะได้รับการยอมรับนับถือจากเพื่อนๆที่ทำบล็อกและผู้อ่าน

หลังจากผมอ่านบทความของคุณมาร์คแล้วก็เห็นด้วยว่า เมื่อเวลาผ่านไป คนที่ไม่รักการทำบล็อกจริงๆ หรือทำบล็อกแล้วไม่ได้รายได้อย่างที่หวังกลับมาสักทีก็จะพากันเลิกไป แม้เส้นทางลัดที่นำบล็อกขึ้นสู้ความนิยมจะมีและมีผู้คนมากมายขายสูตรลัดเหล่านี้ แต่ความนิยมนั้นยืนบนฐานแห่งความหยั่งยืนหรือเปล่า ไม่มีใครบอกได้ว่าจะนานเท่าไหร่ มีเพียงเราจะตอบตัวเองได้ว่าเราได้รับบทเรียนอะไรไปบ้างเมื่อทำบล็อก องค์ความรู้ที่เกิดขึ้นกับเราคืออะไร เราต่อยอดความรู้ที่เรมีอย่างไร และเราจะเรียนรู้จากคนอื่นได้อย่างไร.....การทำบล็อกนั้นไม่ใช่มีจุดหมายที่หารายได้อย่างเดียว ยังมีอย่างอื่นให้เราค้นหาอีก จริงไหมครับ

ในแต่ละปีนั้น เรามีการประกาศบุคคลผู้ทรงอิทธิพลต่อโลกตั้งหลายสิบจนถึงร้อยอันดับ แล้วในโลกของชาวบล็อกก็มีการจัดอันดับทุกปี แน่นอนว่าบล็อกระดับผู้ทรงอิทธิพล ที่เรียกว่า"Influential Blog"นั้นน่าจะเข้าอันดับบล็อกยอดนิยมบ้าง เหตุเพราะเมื่อมีคนเข้ามาอ่านและยกย่องให้เข้าข่ายบล็อกระดับทรงอิทธิพล ย่อมมีการแนะนำบอกต่อให้คนอื่นๆเข้ามาอ่านกัน ตอนแรกผมกะจะหาบทความที่เปรียบเทียบว่าการเขียนบล็อกเรื่องเดียวกันในฟรีบล็อกอย่างBlogspotนั้นถือว่าเป็นข้อได้เปรียบกว่าบล็อกอื่น ไม่ว่าเขียนในฟรีบล็อกที่อื่นหรือบล็อกที่จดโดเมนส่วนตัว ผมมองในแง่ของtraffic คือวัดปริมาณคนเข้าบล็อก ก็ยังหาไม่เจอ คงต้องใช้เวลาในการเสาะหา และผมคงไม่กล้าทำการทดลองเทียบกัน เพราะแค่บล็อกนี้ยังเอาตัวไม่รอดเลย 55555.

ด้วยความบังเอิญค้นไปค้นมาไปเจอบทความเรื่อง The Five Essential Elements of an Influential Blog ของ Brian Clark ในcopyblogger
บล็อกนั้นนอกจากต้องดึงดูดใจคนเข้าชมให้ได้เป็นอันดับแรกก่อน ซึ่งก็ง่ายๆอย่างที่เรารู้กันคือ คนเราจะหยุดดู ให้ความสนใจในสิ่งที่เขากำลังหา สิ่งที่เขาอยากรู้ สิ่งที่อยากได้ยินเท่านั้น. บทความที่คุณเขียนต้องตอบสนองความต้องการนี้ก่อน จากการหยุดเข้าชม สิ่งที่ต้องทำต่อคือ ให้เนื้อความนั้นส่งผลอะไรต่อคนอ่านหรือคนเข้าชม คุณสมบัติที่จะกล่าวต่อไป 5 ข้อนี้เป็นคุณสมบัติที่ได้แรงดลใจจากChip and Dan Heath ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์สังคมที่กำลังทำงานวิจัยเพื่อวัดผลในเชิงปริมาณของสิ่งที่เรียกว่า"Sticky Idea"ตามหนังสือเรื่อง The Tipping Point

1.เข้าใจง่าย(Simple)
ถ้าไอเดียในบล็ิอกนั้นเข้าใจง่าย คนเข้าบล็อกย่อมนำไอเดียนี้ไปกระจายไปเผยแพร่ได้ง่ายขึ้น ดังนั้นบล็ิอกคุณต้องสื่อสารไอเดียออกมาให้ง่ายและชัดเจน

2.แตกต่างจากที่คาดหวัง(Unexpected)
ตอนแรกผมจะแปลว่า คาดหวังไม่ได้ มันดูไม่เข้าท่า เลยแปลมาเป็นว่า"แตกต่างจากที่คาดหวัง" จริงๆแล้วผมว่าเหมือนคำว่า Difference with Valueมากกว่า คือ แตกต่างไปจากที่ๆเราเห็นกันและมีคุณค่ามากขึ้น อะไรที่ต่างจากเรื่องราวที่พบกันจนชินตา แบบที่เรียกว่า"เตะตา" คนจะจำง่ายและชอบจะนำมันไปเผยแพร่ สิ่งที่ต่างไปนี้ยังช่วยจุดประกายบางอย่างให้คนเข้าชมได้ อาจเป็นมุมอีกมุมหนึ่งของเรื่องราวที่เราคาดไม่ถึง.

3.เป็นรูปธรรม(Concrete)
คนเรามองหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และนำไปใช้ได้เลย เพราะคนเข้าชมมักไม่ใช่ผู้ชำนาญในเรื่องนั้นๆ เขาจึงมองหาแหล่งข้อมูลที่นำไปใช้ได้ ใช้แก้ปัญหาที่เขากำลังพบอยู่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบทความประเภท"How to"ทำไมยังได้รับความนิยมทั้งในการใช้เป็นคำค้นหา และเป็นคำศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องมีในชื่อเรื่องของบทความ

4.น่าเชื่อถือ(Credible)
ข้อนี้เป็นคุณสมบัติสำคัญมากที่สุด ทุกอย่างในบล็อกแม้จะดีหมดแต่เมื่อขาดความน่าเชื่อถือ ก็จบ

5.เรื่องเล่า(Story)
ข้อนี้แปลยาก เพราะเขาใช้คำว่า"Story of your blog"...ผมเข้าใจว่าการใช้วิธีเขียนไปแบบเรื่องเล่าโดยให้เนื้อหาง่ายเข้าไว้,มีท่อนฮุคแบบคาดไม่ถึง,แสดงให้เห็นประโยชน์ที่จับต้องได้และสร้างความน่าเชื่อถืออย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อให้ผู้เข้าชมเกิดอารมณ์ตอบสนอง ตามที่เราต้องการ

Related post On blogspot

หลายคนที่ชอบบอกว่าถ้าเพิ่มPR Page Rankได้ จะช่วยเพิ่มอันดับในSearch Engine ซึ่งตามมาด้วยTrafficที่เพิ่มตาม วิธีหนึ่งที่พอจะช่วยเพิ่มPRได้คือ การทำInterlink คือการโยงบทความเข้าหากัน เป็นบทความในบล็อกของเราเอง...
สำหรับการปรับแต่งนั้นก็ได้บทความดีๆจาก155cafe.blogspot.comในเรื่อง"วิธี Relate Post หรือ เรื่องอื่นๆที่ใกล้เคียง ใน Blogger"....เจ้าของบล็อกได้เกริ่นถึงผลจากการทำInterlinkว่าช่วยให้บล็อกของเขาที่แม้จะมีบทความแค่ 20 บทความแต่กูเกิลอินเด็กซ์(Index)ไปแล้วถึง 66 อินเด็กซ์ การทำRelated Postจึงช่วยให้บอทไต่ไปเก็บข้อมูลได้มากขึ้น อินเด็กซ์จึงเพิ่มตาม.แม้สิ่งที่ทำจะมีผลของด้านSEOแล้ว ในแง่ของการทำบล็อก ก็ถือว่าช่วยดึงคนเข้าบล็อกอยู่ในบล็อกให้นานขึ้น อย่างที่ในgoogle analyticsมีค่าหนึ่งโชว์ให้ดูคือ เวลาเฉลี่ยที่คนเข้าชมอยู่ในหน้าต่างๆ กระทู้ต่างๆ จากข้อมูลของกลุ่มที่ทำเรื่องอีคอมเมิร์ซ เวปขายของต่างๆ ได้ข้อสรุปอันหนึ่งที่ต้องทำคือ การใช้กลยุทธ์อะไรก็ได้ให้คนเข้าชมอยู่ในบล็อกหรือเวปนั้นนานขึ้น นานพอที่อาจจะไปสะดุดตาสะดุดใจบางอย่างโดยเฉพาะสินค้าหรือบริการแล้วตัดสินใจซื้อ สมัครสมาชิก ดังนั้นRelated Postจริงๆทำหน้าที่อย่างน้อยสองข้ออย่างที่เล่าไว้ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่ทำRelated Postใช่ไหมครับ

วิธีที่บล็อก155Cafeใช้นั้นแม้จะอ่านโค้ดไม่ออก แต่พอคลำๆทำตามได้ไม่ยาก ลองทำดูเถอะครับ
1.เปิดเข้าไปที่หน้า Layout เลือกตรง Edit HTML ก่อนจะเปลี่ยนแปลงอะไรให้เลือก Download Full Templateเป็นไฟล์xmlไว้ก่อน เผื่อถ้าแก้เทมเพลตแล้วมีปัญหาจะได้ดึงไฟล์เทมเพลตเดิมมาใส่คืนได้

Layout tab

Edit HTML tabb on Layout Page

2.หลังจากนั้นเลือก Expand Widget Templates ตามรูป
Expand Widget Templates

Expand Widget Templates

3.ให้มองหา </head> แล้วกีฮปปี้สคริปท์ข้างล่างนี้ไปวางไว้ก่อน </head>


<script type="text/javascript">
//<![CDATA[
var relatedTitles = new Array();
var relatedTitlesNum = 0;
var relatedUrls = new Array();
function related_results_labels(json) {
for (var i = 0; i < json.feed.entry.length; i++) {
var entry = json.feed.entry[i];
relatedTitles[relatedTitlesNum] = entry.title.$t;
for (var k = 0; k < entry.link.length; k++) {
if (entry.link[k].rel == 'alternate') {
relatedUrls[relatedTitlesNum] = entry.link[k].href;
relatedTitlesNum++;
break;
}
}
}
}
function removeRelatedDuplicates() {
var tmp = new Array(0);
var tmp2 = new Array(0);
for(var i = 0; i < relatedUrls.length; i++) {
if(!contains(tmp, relatedUrls[i])) {
tmp.length += 1;
tmp[tmp.length - 1] = relatedUrls[i];
tmp2.length += 1;
tmp2[tmp2.length - 1] = relatedTitles[i];
}
}
relatedTitles = tmp2;
relatedUrls = tmp;
}
function contains(a, e) {
for(var j = 0; j < a.length; j++) if (a[j]==e) return true;
return false;
}
function printRelatedLabels() {
var r = Math.floor((relatedTitles.length - 1) * Math.random());
var i = 0;
document.write('<ul>');
while (i < relatedTitles.length && i < 20) {
document.write('<li><a href="' + relatedUrls[r] + '">' + relatedTitles[r] + '</a></li>');
if (r < relatedTitles.length - 1) {
r++;
} else {
r = 0;
}
i++;
}
document.write('</ul>');
}
//]]>
</script>


4.มองหาโค้ดที่อยู่ในเทมเพลตตามนี้
<b:if cond='data:post.labels'>
<data:postLabelsLabel/>
<b:loop values='data:post.labels' var='label'>
<a expr:href='data:label.url' rel='tag'><data:label.name/></a><b:if cond='data:label.isLast != "true"'>,</b:if>
</b:loop>
</b:if>


5.ก๊อปปี้โค้ดนี้ไปวางไว้ในโค้ด....ตามรูป

<b:if cond='data:blog.pageType == "item"'>
<script expr:src='"/feeds/posts/default/-/" + data:label.name + "?alt=json-in-script&callback=related_results_labels&max-results=10"' type='text/javascript'/>
</b:if>

แทรกโค้ดลงไป

6.ให้เซฟเทมเพลตนี้ไว้ก่อนแล้วกลับไปหน้า Page elementในหน้า Layout แล้วเลือก Add Page Element จากนั้น คลิ๊กเลือกแทบ Html จาวาสคริปส์ แล้วใส่ code ข้างล่างนี้ลงไป
<script type="text/javascript">
removeRelatedDuplicates();
printRelatedLabels();
</script>

Page element on Edit HTML

HTML/JAVA Script Widget

ตั้งชื่อว่า"Related Post"แล้วกีอปปี้โค้ดตามที่เขียนไว้มาวางในช่องเนื้อหา..ตามรูป
HTML/JAVA Script widget

7.นำ แทบจาวาสคิปส์ดังกล่าว มาวางไว้ที่ ด้านล่างของ blogpost ดังภาพแล้วเซฟให้เรียบร้อย....ใช้เมาส์คลิ๊กค้างไว้แล้วลากลงมาวางแบบที่เรียกว่า Drag and Drop
ย้ายwidgetมาวางไว้ท้ายหน้า


8.กลับมาที่แท๊ป Edit HTML แล้วเลือกตรงExpand Widget Templates แล้วมองหาtagนี้
<b:widget id='HTML13' locked='false' title='Relate Post' type='HTML'>
จากนั้นเพิ่ม code ตัวหนา ลงไป หรือ กอปปี้ code ดังกล่างข้างล่างนี้ไปแทนทีเลยก็ได้ แต่เปลี่ยน id html13 ให้เป็นของเพื่อนๆด้วย

b:widget id='HTML13' locked='false' title='Relate Posts' type='HTML'>
<b:includable id='main'>
<b:if cond='data:blog.pageType == "item"'>
<!-- only display title if it's non-empty -->
<b:if cond='data:title != ""'>
<h2 class='title'><data:title/></h2>
</b:if>
<div class='widget-content'>
<data:content/>
</div>
<b:include name='quickedit'/>
</b:if>
</b:includable>
</b:widget>


เพิ่มโค้ดอีกสองบรรทัดแล้วก็เสร็จพร้อมใช้งานแล้วครับ

9.จากนั้น กด บันทึก template หรือ save ลอง preview ดูที่ blogโดยในหน้าแรกมันจะยังไม่โชว์ Relate Post มันจะโชว์ ที่หน้าบทความในแต่ละ Post

ขอขอบคุณบล็อก155cafeที่เอื้ออำนวยทั้งความรู้และภาพประกอบ...เข้าไปชมได้ตามนี้ครับ

ผมดัดแปลงข้อเขียนจากบทความของ Yuwanda Black ในezineArticles เรื่อง "How to Make Money Blogging in 2009 - 11 Tips For Making it Your Most Lucrative Blogging Year Ever"...ถ้าคำตอบของการหาเงินจากบล็อกนั้นเป็นตัวเงินจำนวนมากๆ จำนวนคนเข้าบล็อกจะเป็นตัวกำหนดการทำเงินจากบล็อกเอง จากการที่ผมไปนั่งฟังสัมมนาที่เชียงใหม่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา การทำเงินจากบล็อกต้องเริ่มจากการสร้างคนเข้าบล็อกก่อน จากนั้นเคล็ดลับต่อไปคือการเปลี่ยนปริมาณคนเข้าบล็อก(Traffic)ให้เป็นรายได้ด้วยกลยุทธ์ต่างๆ อย่างเช่น ขายพื้นที่แบนเนอร์ ขายสินค้า ขายบริการ ติดAdsense เป็นต้น...ผมอ่านบทความนี้แล้วผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นเรื่องการปรับแต่งภายในบล็อกเป็นหลัก ที่ภาษาSEO(Search Engine Optimization)เรียกว่า"On Page Factor"และไปในด้านการจัดทำเนื้อหา(Content)ให้ดึงดูดคนเข้าบล็อก ลองตามมาอ่านดูแล้วกัน


...ผมเห็นบล็อกเกอร์คนไทยหลายๆท่านที่ประสบความสำเร็จในเรื่องปริมาณคนเข้าบล็อกและการเป็นที่รู้จักกันในวงการอย่างบล็อกคุณเก่ง บล็อกคุณต่อ บล็อกคุณภาวุธ เป็นต้น บางท่านถึงกับออกการอบรมวิธีการปรับแต่งบล็อกให้ติดลมบนก็มี.สำหรับบล็อกต่างๆนั้นที่พูดถึงมีองค์ประกอบที่ตรงกับ11หัวข้อที่Yuwanda Black พูดถึง

1.เขียนบล็อกให้สม่ำเสมอ(Create a Posting Schedule)
การเขียนบล็อกอย่างสม่ำเสมอนั้น ทำให้แฟนๆของบล็อกนั้นติดตามความคืบหน้าของบล็อกได้ง่ายขึ้นและยังเป็นการสร้างความภักดีของแฟนๆด้วย(Loyality). ไม่ต้องหงุดหงิดงุ่นง่านเวลาเข้ามาแล้วเจอบล็อกที่ไม่มีอะไรใหม่.ดังนั้นเขียนบล็อกอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง.

2.เขียนจากประสบการณ์จริงของคุณเอง(Post from Experience)
เป็นความต้องการพื้นฐานของผู้เข้าใช้บล็อกหรือเวปไซด์ว่า เพื่อสืบหาข้อมูลบางอย่าง และข้อมูลเป็นสินค้าที่ขายีที่สุด.การเขียนจากประสบการณ์ของตัวคุณเองนั้น ยังเป็นการแสดงความจริงใจและสร้างความน่าเขื่อถือให้กับตัวคุณเอง.ถ้าคุณเคยอ่านคำพูดของนักขายมือทองทั้งหลาย เขาจะบอกว่า.."ขายตัวคุณเองก่อนแล้วคุณจะขายสินค้าได้" เมื่อผู้อ่านเชื่อใจในตัวคุณแล้ว เขาจะฟังสิ่งที่คุณบอกนั้นหมายความว่า คุณสามารถจบจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของบทความนั้นด้วย การขายสินค้าที่คุณมี.

3.เลือกสิ่งที่มีความต้องการเฉพาะเจาะจง(Choose a Niche)
มีเรื่องราวและสินค้ามากมายบนโลกออนไลน์ คุณจำเป็นต้องเลือกสิ่งที่เป็นความเฉพาะเจาะจง(Niche)และยึดมั่นกับสิ่งนั้น เพราะฉะนั้นหาจุดนี้ให้เจอแล้วเน้นย้ำถึงจุดนั้น. ในบล็อกของคุณก็ต้องพูดถึงสิ่งที่มีลักษณะเฉพาะนี้ เอาชนิดที่ว่ามีบทความ มีสินค้า มีทุกอย่างที่เพียงแค่กวาดตาปุ๊ปก็รู้ทันทีว่าบล็อกนี้เน้นแต่เรื่องนั้นจริงๆ บล็อกนี้เป็นแหล่งรวมเรื่องนั้นจริงๆ คือคุณต้องทำให้เขาเชื่อว่าบล็อกคุณเป็นผู้ชำนาญเชี่ยวชาญเรื่องนั้นจริงๆ. คิดเอาง่ายๆถ้าคนเข้าเวปหรือบล็อกเข้ามาเพราะบล็อกคุณกำลังพูดดึงอุปกรณ์และวิธีการเล่นกอลฟ์ของคนถนัดซ้าย เขาก็คงหวังว่าจะได้พบกับอะไรที่เกี่ยวกับการเล่นกอล์ฟของคนถนัดซ้าย ไม่งั้นเขาก็คงไปหาเอาจากบล็อกอื่นแล้ว.

4.รู้จักการติดต่อคบค้าสมาคมกับบล็อกหรือเวปไซด์ในวงการเดียวกัน(Interact with Other Popular Blogs in Your Niche)
การเข้าไปตอบ ออกความเห็นในเวปไซด์หรือบล็อกของคนในวงการเดียวกับคุณ นอกจากจะเป็นการประชาสัมพันธ์ตัวคุณให้กับสังคมออนไลน์ได้รู้จัก ยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของคุณหือบล็อกของคุณด้วย โดยเฉพาะเจ้าของบล็อกนั้นมีการเอ่ยถึงตัวคุณ หรือนำความเห็นของคุณไปเขียนเป็นบทความใหม่.นอกจากนี้เจ้าของบล็อกนันอาจมาเขียนตอบกลับให้คุณในบล็อกของคุณ ลองนึกดูซิว่า เมื่อคุณทำบล็อกเกี่ยวกับการเล่นกอล์ฟแล้ววันหนึ่งไทเกอร์ วู๊ด(ตัวจริงนะ)มาเขียนแสดงความเห็น(ในเชิงดี)ที่บล็อกคุณ ความน่าเชื่อถือจะเพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่..ไม่อยากคิดเลย.ดังนั้นการออกล่าเขียนตอบตามบล็อกตามเวปไซด์ต่างๆ ควรเขียนให้สะดุดตา,สัมพันธ์กับเนื้อหาบทความและให้มีสาระเข้าไว้ อย่าเขียนตอบแบบขอไปที.

5.เขียนบล็อกด้วยไวยากรณ์ที่ดีที่ถูกหลัก(Use Good Grammar)
การเขียนบล็อกด้วยหลักไวยากรณ์ที่ดีนั้น ทำให้คนอ่านเข้าใจความหมายได้ง่ายและตรงกับที่คุณต้องการสื่อสาร นอกจากนี้การเขียนให้ถูกกับหลักการเขียนบทความ ยังช่วยให้คนอ่านใช้เวลาอ่านน้อยลงและเข้าใจง่ายขึ้น จับประเด็นได้ตรง.เป็นผมถ้าเจอบล็อกที่ดูหัวข้อดีแต่เขียนวกวน จับประเด็นยาก ก็บ๊าย บายครับ

6.จัดหน้าตาบล็อกให้สะอาดเกลี้ยงเกลา(Get a Clean Design)
หน้าตาบล็อกนั้นไม่จำเป็นต้องแต่งอะไรมากมาย ให้จัดแต่งดูง่าย หาอะไรก็ง่าย หาอะไรก็เจอ.เข้าทำนอง simple is the bestไว้ก่อน

7.มีอุปกรณ์ช่วยเหลือ อุปกรณ์เสริม(Get Plugins)
อุปกรณ์เสริมอย่าง หัวข้อที่มีคนอ่านมากที่สุด ,บทความที่เกี่ยวข้องกัน(most relevant posts)และบทความล่าสุด(most recent posts) มีไว้เพื่อแนะนำข้อมูลหัวข้อที่ผู้เข้าชมอาจหาอยู่หรืออาจสนใจ คล้ายๆเป็นผู้แนะนำในบล็อก เหมือนกับเวลาที่คุณเข้าร้านไปซื้อของ ยิ่งเดินดูนานเท่าไหร่ โอกาสจะซื้อของก็มากขึ้น ดังนั้นการดึงผู้เข้าบล็อกให้อยู่ในบล็อกนานที่สุด จึงเป็นกลยุทธ์ที่ได้ผลประโยชน์หลายอย่าง สร้างความประทับใจ เพิ่มโอกาสขายสินค้าชิ้นอื่น...แม้เขาจะไม่ซื้อในวันนี้ เขาก็อาจกลับมาเยี่ยมเยียนและอุดหนุนสินค้าหรือบริการในวันข้างหน้า...คุณไม่ได้เสียอะไรเลย มีแต่ได้กับได้

8.เขียนบทความโดยนึกถึงเรื่องSEOไว้เสมอ(Blog with SEO in Mind)
ในการเขียนบทความนั้น ควรตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเขียนเน้นไปที่คำพูดคำไหน(keyword phrase) เน้นให้บ่อยแต่ทำให้เนียน เวลาคนเข้ามาอ่านแล้วไม่รู้สึกว่าเขียนเพื่อเน้นคำนั้นจนเกินพอดี

9.อย่าหยุดประชาสัมพันธ์บล็อกของคุณ(Don't Forget to Market Your Blog)
ข้อแรก เขียนบทความต่อไป อย่าหยุดเขียน และข้อต่อมาใช้social bookmarking and networkingให้คุ้มค่า แม้จะเป็นเรื่องที่ต้องเปลืองเวลามากพอควร.ใช้ทุกวิธี ไม่ว่าtwitee,Facebook,hi5,Myspaceหรือ StumbleUpon.

10.ทำให้บล็อกคุณมีบุคลิก(Personalize Your Blog)
อย่างที่เราเห็นๆกันว่า บล็อกเป็นเรื่องของส่วนตัว เราจะโยงเรื่องราวของเจ้าของบล็อกกับบล็อกไปโดยอัตโนมัติ เข้าทำนองเจ้าของบล็อกเป็นคนอย่างไร บล็อกก็จะมีลักษณะแบบเดียวกัน.บล็อกที่ประสบความสำเร็จเรื่องปริมาณคนเข้าดู ก็เพราะคนดูชื่นชอบบุคลิกของบล็อกก่อนแล้วนำไปสู่การชื่นชอบเจ้าของบล็อก แทบจะแยกไม่ออกเลยว่า การโปรโมทเจ้าของบล็อกกับการโปรโมทบล็อกจะแยกจากกันได้อย่างไร....ดังนั้นจงสร้างบล็อกให้มีบุคลิกแบบเดียวกับคุณซะ

11.อย่ายอมแพ้ อย่าหมดหวัง(Don't Give Up)
การเขียนบล็อกนั้นใช้พลังงานและทรัพยากรมากเอาเรื่องอยู่เหมือนกันและมากกว่าที่คุณคิด.ดังนั้นจึงมีบล็อกที่ถูกทิ้งร้างจำนวนมากมาย(Dead Blog).การเขียนบล็อกจึงเป็นเรื่องที่เหมือนการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่งระยะสั้น ดังนั้นกลยุทธ์การเขียนจึงไม่ต่างจากการวิ่งมาราธอน เน้นความอึดเป็นหลัก.

...ข้อสรุปสุดท้ายสำหรับข้อเขียนนี้ คือ อะไรคือแรงบันดาลใจให้คุณทำบล็อก อะไรคือแรงจูงใจให้คุณได้เขียนบล็อกประจำ ถ้าคุณไม่ได้รักในเรื่องที่คุณกำลังเขียนลงบล็อก คุณคงจะทนฝืนเขียนไปได้นานสักเท่าไหร่ .ผมพูดไว้เฉพาะการเขียนบล็อกเท่านั้น ไม่ได้หมายถึงการปั่นบล็อก....จงทำในสิ่งที่คุณรักและรักสิ่งที่คุณกำลังทำซะ....ไม่งั้นก็เลิกเสียเถอะ




This Picture from problogger.net on this article

วันนี้มาตั้งคำถามน่าสนุกและน่าค้นหาอีกแล้ว เพราะเห็นจำนวนเวปที่คอยแจกเทมเพลตฟรีๆตั้งมากมาย ถ้าไม่นึกถึงการสร้างทราฟฟิคด้วยการแจกของแล้ว การที่เราอยากเปลี่ยนเทมเพลตบล็อกตัวเองนั้น จะมีผลอะไรบ้างต่อปริมาณคนเข้าเวปหรือบล็อก.ผมพยายามหาบทความที่เขียนทำนองเรื่องนี้ ก็ได้แค่เรื่องของการดีไซน์บล็อกกับปริมาณทราฟฟิค โดยได้บทความของ D.A.S.จากtemplatize.blogspot.com ในหัวข้อว่า"How does your blog template design affect your blog traffic and appeal?" กับบทความ "Attracting Traffic with a Whole New Blog Design"จาก etienneteo.com.อีกบทความนี้ก็กล่าวเรื่องหน้าตาบล็อกแบบเฉียดๆ.."A Strong Personal Brand Means a Memorable Blog"
ในเมื่อสุภาษิตหลายๆอันต่างก็ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการแต่งเนื้อแต่งตัว และการแต่งหน้าแต่งตา ไม่ว่า"ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง"หรือ"มาดดีมีชัยไปกว่าครึ่ง"...เหตุที่บทความต่างๆไม่ค่อยพูดถึงหน้าตาบล็อกกับการเพิ่มทราฟฟิค ผมคิดว่าเพราะมันวัดออกมาแล้วไม่สามารถเชื่อได้เท่ากับการเปลี่ยนคีย์เวิร์ดหรือปัจจัยอื่นๆ หน้าตาบล็อกจะทำหน้าที่ในการดึงดูดคนให้กลับมาซ้ำอีกหรือแม้แต่ไปเป็นคนเชิญชวนคนอื่นมาดูบล็อกนั้น ก็ต้องเปิดเข้ามาดูหน้าตาก่อน ทั้งๆที่ก่อนจะเปิดเข้ามาดูนั้น เราอาจเห็นชื่อบล็อกชื่อเวปซึ่งเป็นตัวหนังสือเท่านั้น ยังไม่เห็นหน้าตาเลย ดังนั้นหลายๆคนจึงตัดความสำคัญของหน้าตาบล็อกออกไป นอกจากนี้การจัดอันดับในSearch Engineก็ใช้ข้อมูลที่เป็นอักษรเป็นหลัก ผมยังไม่เห็นที่ไหนใช้ภาพหน้าตาบล็อกมาจัดอันดับ เพราะมันวัดออกมาไม่ได้ และเจ้าตัวบอทที่วิ่งเข้ามาเก็บข้อมูลมันก็เก็บแต่ข้อมูลตัวอักษรกลับไปเท่านั้น มันอ่านข้อมูลภาพไม่ได้(ณ เวลานี้)....ดังนั้นหน้าตาบล็อกที่พอจะมีแรงดึงดูดคนได้นั้น เป็นเพียงส่วนเสริมกลยุทธ์ในการสร้างความประทับใจให้กับคนที่เข้ามาเยี่ยมชมเท่านั้น. จริงๆสิ่งที่ทำให้คนที่เข้ามาเยี่ยมชมกลับมาบ่อยๆ เพราะเนื้อหาที่อยู่ในเวปหรือบล็อก ไม่ได้อยู่ที่หน้าตาบล็อกเลย ถึงบล็อกจะหน้าตาดีแต่กลับเอ๋อ...ไม่มีเรื่องราวน่าสนใจ จะเปิดหาอะไรก็หายาก แถมยังมีแผ่นโฆษณาโผล่มาเป็นระยะ...อย่างนี้ก็ไม่รอด แต่ลองมาฟังความเห็นของเจ้าของบล็อกtemplatize.blogspot.com ที่ให้ความเห็นเรื่องหน้าตาของบล็อกได้อย่างน่าฟัง


แม้ว่าจะมีตัวเลขคร่าวๆว่า บล็อกทราฟฟิกนั้นมาจากเรื่องของเนื้อหา(Content) 70% และอีก 30%มาจากเรื่องของบล็อกดีไซน์ แต่ผลจริงๆของบล็อกดีไซน์นั้นจะเกิดหลังจากผู้ใช้เปิดเข้ามาบล็อกแล้ว แว๊ปแรกที่เปิดบล็อกมานั้น สิ่งที่ปรากฏก็ไม่ใช่เนื้อหา กลับเป็นหน้าตาบล็อกและรูปภาพในบล็อก ดังนั้นหน้าตาบล็อกและรูปภาพที่ดึงดูดความสนใจได้ดีจะทำให้ผู้เข้าบล็อกหยุดดูและสำรวจบล็อก.การสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกพบด้วยหน้าตาบล็อกนั้นก็คล้ายๆกับการที่เราเห็นคนสักคนที่สะดุดตา ย่อมแสดงถึงความมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากคนทั่วๆไป แน่นอนล่ะมีคนเป็นจำนวนมากที่กำลังทำเรื่องแนวเดียวกับคุณ ใช้ฟรีบล็อกเหมือนคุณ และแถมยังเลือกเทมเพลตบล็อกเหมือนคุณอีก อะไรที่คุณจะต่างจากเขา โอเคเนื้อหาใช่ แต่ก่อนจะทำให้เขาหยุดดูเนื้อหา คุณต้องหาทางสร้างความประทับใจก่อน นอกจากนี้คนจำนวนไม่น้อยตัดสินใจบล็อกเพียงชั่วเสี้ยวนาทีที่เปิดเข้าดู เข้าทำนองตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอก เมื่อเห็นบล็อกใช้เทมเพลตแบบที่บล็อกเกอร์แจกมาให้ซึ่งสุดแสนจะธรรมดา เขาจะเข้าใจไปเองในทันทีว่า เนื้อหาคงธรรมดาตามหน้าตาบล็อก เช่นเดียวกับแม้ว่าคุณจะทำอาหารได้อร่อยสุดยอดแต่คุณเสิร์ฟอาหารสุดยอดคุณด้วยภาชนะที่แสนจะเห่ย สร้างความรู้สึกธรรมดากับอาหารคุณ แทนที่จะเลือกภาชนะและการจัดวางที่เน้นให้ตารับรู้ว่ามันวิเศษมากกับสิ่งที่เห็น.ในเบื้องต้นเหตุผลง่ายๆเหล่านี้คงเพียงพอจะบอกว่าหน้าตาบล็อกมีผลไม่น้อยกับภาพพจน์ตัวคุณและบล็อกของคุณ

ในมุมมองของคนที่เข้ามาเยี่ยมบล็อกเกอร์มืออาชีพ เขาคาดหวังอะไรมากกว่าบล็อกเกอร์มือใหม่(อย่างผม) คาดหวังว่าบล็อกเกอร์มืออาชีพนั้นจะตกแต่งหน้าตาบล็อกได้ดีได้เลิศขนาดไหน ถ้าในรายที่เขาเป็นลูกค้าขาประจำบล็อก การปรับหน้าตาบล็อกนั้นยังช่วยให้แฟนๆประจำบล็อกรู้ว่าคุณนั้นพยายามจะทำให้บล็อกมันดีขึ้นไปเรื่อยๆ และเชื่อไหมว่า ขาประจำทั้งหลายนั้นส่วนหนึ่งแม้จะชอบเข้าบล็อกคุณ แต่เขายังจะหาข้อติเล็กๆน้อยๆอย่างหน้าตาบล็อก คือถ้าคุณเติมเต็มให้หน้าตาบล็อกผสานกับเนื้อหาได้อย่างดี ขาประจำเหล่านี้ถูกใจก็กลายเป็นกลุ่มแฟนๆที่เหนียวแน่นของคุณ...จริงๆคนกลุ่มนี้ขอให้คุณไม่เอาใจเขาสักหน่อย เขาก็พร้อมจะผละไปจากคุณเลย

มุมมองของเจ้าของบล็อกนี้เขียนบนพื้นฐานการแจกแจงลูกค้าออกเป็นกลุ่มๆได้อย่างเจาะลึกพฤติกรรมเฉพาะ ผมยกนิ้วให้ครับเขียนได้น่าสนใจในถ้อยคำที่เข้าใจง่ายมาก....แบบนี้ยังจะคิดว่า ทิ้งให้บล็อกดูเห่ยๆต่อไปได้หรือครับ

บล็อกแนะนำเข้าไปหาอ่านความรู้เรื่องBlog Design
1.แนวทางการดีไซน์บล็อกยุคใหม่ ในบล็อกDivland
ดัดแปลงจากบล็อกหลัก How to Blog Design Style Guide : Ultimate guide to designing blogsในblogdesignblog.com

2.Attracting Traffic with a Whole New Blog Design ในetienneteo.com
บอกถึงแนวโน้มบล็อกดังว่าดีไซน์ด้วยหลักอะไรที่เหมือนกันบ้าง

3.Weblog Usability: The Top Ten Design Mistakes
เป็นบทความเก่าของ Jakob Nielsen's ในปี 2005

4.ProBlogDesign
ผมชอบหลายๆบทความในเวปนี้ อย่างเช่น ดีไซน์บล็อกให้ดีต้องดูอะไรบ้าง แต่งบล็อกยังไงให้อ่านให้ดูสบายตา หรือ วิธีง่ายๆในการแต่งธีมที่บล็อกเกอร์ให้มา...น่าสนใจครับ




ผมเพิ่งเขียนบทความในบล็อกอีกที่หนึ่งของผมในWordpress....แต่เขียนเรื่องFree Blogger Template...เลยเอามาแปะในบล็อกนี้รวมกันเลยดีกว่า
ณ วันนี้ที่ผมลองใส่คำว่า"Free Blogger Template"ลงในGoogle มีเวปไซด์ที่ใช้คีย์เวิร์ดนี้เพียง 135,000 เวปไซด์ ผมลองใช้ฟรีบล็อกอย่างWordpressแล้วพบว่า ข้อจำกัดคือการเปลี่ยนแปลงหน้าตาของบล็อก ที่เราเรียกว่าTemplateนั้น มีให้เลือกค่อนข้างจำกัด การดัดแปลงไม่อิสระเท่าในBlogger.
เหตุผลหนึ่งที่หลายๆคนชอบใช้Blogger เพราะว่า มันฟรีและสมัครง่ายมาก แถมไม่ค่อยจำกัดเนื้อหาที่จะเขียน (จริงๆต้องไปเปิดดูในTOS..Term Of Serviceก่อน) แต่หลายคนหรือเอาเป็นว่าส่วนมากใช้Bloggerเป็นแหล่งแปะแผ่นโฆษณาทั้งหลาย หรือเป็นแหล่งชุมสายเพื่อส่งต่อทราฟฟิคไปที่อื่น
ดังนั้นเหตุผลที่หลายคนถูกBloggerถอดบล็อกออก เพราะว่าเป็น SPAM BLOG หรือทำLINK FARM ซึ่งทางBlogger(เป็นเจ้าของเดียวกับGooGle)มองเหมือนGoogleว่าเป็นพวกขยะ ต้องขจัดออก.
ข้อดีอีกข้อหนึ่งของBloggerคือ ความเสถียรของตัวเวปไซด์ค่อนข้างสูง ถ้าเราทำตามกฏทุกอย่าง ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกยุบบล็อก ลองคิดดูไหมครับว่านั่งทำบล็อกมาแทบตาย(กับการเช่าโฮสติ้งที่ต้องต่อสัญญาแบบปีต่อปี) บล็อกกำลังดีๆแล้วอยู่ๆโฮสติ้งที่เคยใช้อยู่มีอันต้องเลิกกิจการ ข้อมูลทั้งหลายจะเป็นยังไง ถ้าโชคดีทำแบ๊คอัพไว้ก็รอดตัวไป ก็นับหนึ่งใหม่ ถ้ากรณีแบบเบาะๆ โฮสติ้งล่มบ่อยๆ โดนแฮ็กบ่อยๆ ก็เจ๊งเหมือนกัน ปัญหาเหล่านี้เจอได้น้อยลงกับการสมัครฟรีบล็อกใหญ่ๆ เพราะเขาลงทุนไปเยอะ ไม่ว่ากับตัวเซิร์ฟเวอร์ ไม่ว่ากับโปรแกรมความปลอดภัย ดังนั้นอุ่นใจในระดับหนึ่ง.
เราทำตัวเป็นเด็กดี เล่นตามกฏ ก็คงไม่มีปัญหาใดๆ ผมเองเป็นคนหนึ่งที่ชอบฟรีบล็อกมากๆ ลองเขียนบล็อกออกกระจายไปตามฟรีบล็อก เพราะคิดเองว่าหนึ่งเรื่องต่อหนึ่งบล็อก มันคงดีกว่า รวมๆหลายเรื่องในบล็อกเดียวหรือเวปไซด์เดียว เกิดวันโชคดีเวปมันล่ม ก็จบกัน ถ้าถ่ายความเสี่ยงออกไปให้หลายเวปน่าจะดีกว่า แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการเสียเวลาเข้าทีละบล็อก จำพาสเวิร์ดทีละบล็อก ของผมจะมีแต่ในWORDPRESSนี่แหละที่เข้าข่าย"แกงโฮะ"........สำหรับการเปลี่ยนTemplateนั้นคงจะเป็นสิ่งแก้ความน่าจำเจของบล็อกได้ในระดับหนึ่ง แต่จะมีผลต่อทราฟฟิคหรือเปล่านั้น ผมไม่รู้เหมือนกัน ผมเป็นคนหนึ่งที่ยังเชื่อว่า"Content is The King" กลยุทธ์ร้อยแปดพันเก้าที่สรรสร้างกันขึ้นมา ส่งคนมาเข้าเวปหรือเข้าบล็อกแล้ว ตัวเวปตัวบล็อกเอาคนเข้ามาไม่อยู่ มันก็ไม่มีประโยชน์ เข้าทำนอง"Die For Nothing" มัวแต่สร้างLink เล่นเกมSEO จนหลงลืมแก่นแท้ของความต้องการของคนเข้าเวปมันก็จบ คนเข้าเวปเสียเวลาเปิดมาก็เพื่อเสพข้อมูล ถ้าไม่มีข้อมูลก็จบ ดังนั้นผมยังเชื่อว่าทำContentให้ดี ให้อยู่ตัวก่อน เดี๋ยวอย่างอื่นมันตามมาเอง......Slow Slow But Sure


... ผมลองรวบรวม 20 อันดับเวปที่แจกFree Blogger Templateมาให้ชมกัน คงไม่แปะรูป เพราะนี่เป็นบล็อก ต้องเน้นความกะทัดรัดกระชับความ ใครสนใจก็กดต่อออกไปเองได้

1.Free Blogger Template

2.Free Blogger Template on Finalsense

3.Blogger Templates(บล็อกนี้อยู่ในblogspot มีให้เลือกไม่กี่แบบ)

4. 50 (Most) Beautiful Blogger Templates

5.idwebtemplate

6.Blogger Templates (บล็อกนี้อยู่ในBlogspot...หลังจากคลิ๊กดาว์นโหลดแล้ว จะขึ้นโค้ดHTMLให้คัดลอกไปใส่ในบล็อก ผมคิดว่ามีให้เลือกสองแบบคือ ก๊อปปี๊แล้วเซฟเป็นไฟล์แล้วค่อยuploadอีกที กับการก๊อปปี้แล้วเอาไปใส่ตรงๆเลย)

7.EblogTemplate

8.SuckMylolly

9.PYZAM (หลังจากกดเลือกชื่อแล้ว เมื่อขึ้นหน้าใหม่ให้คลิ๊กไปที่รูปตัวอย่างของบล็อก จะขึ้นหน้าใหม่อีกรอบ คราวนี้ก๊อปปี้โค้ดไปใช้) หรือเข้าไปตรงหน้านี้ก็ได้ http://www.pyzam.com/bloggertemplates/all

10.BTemplate

11.BloggerBuster

12.pannasmontata มีทั้งหมด 60 แบบ แต่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ

13.BlogCrowd

14.OurBlogTemplate มีtemplatemทั้งหมด โดยไปฝากไฟล์ไว้ที่ box.netและไฟล์ที่ได้เป็นไฟล์ .xml สำหรับภาพของHeaderก็ต้องใส่เองอีกที(มีเตรียมไว้ในหน้าเดียวกันนั้น)

15.100 Templates On MintBlogger บล็อกนี้นอกจากมีเทมเพลตแค่ 100 เทมเพลต แต่มีบทความอื่นๆในเรื่องของบล็อกที่ช่วยเพิ่มพูนความรู้อีกมากมาย

16.Bloganol

17.Zimbio

18.GosuBlogger

19.BlogFixes

20.BloggerTemplate

วิธีการเปลี่ยนTemplate ดูได้ที่นี่ sacada2
บทความนี้ผมเขียนร่างไว้ตั้งแต่ 6 ธค.2551 ดังนั้นเมื่อลองใช้คำว่า"Free Blogger Template"อาจจะพบเวปอื่นขึ้นในหน้าแรกๆแทนเวปที่ผมลงให้ดูได้ เพราะการจัดอันดับของGoogleนั้นเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอด....บทความนี้เป็นเพียงแค่การใช้Googleแบบสนุกๆเท่านั้นเองครับ และบางทีบางเวปอาจจะกลายเป็นDead Linkแล้วก็ได้

เพิ่งได้ดูอีกบล็อกที่มีเทมเพลตน่าสนใจ....เข้าไปดูแล้วกันครับ...templatize